WordPress Plugin คงเป็นที่สงสัยของใครหลายๆ คนว่า ปลั๊กอิน WordPress คืออะไร? และทำงานอย่างไร? โดยเฉพาะผู้ใช้ WordPress มือใหม่ ปลั๊กอินเป็นส่วนสำคัญของ WordPress และจำเป็นสำหรับการสร้างเว็บไซต์อย่างยิ่ง ซึ่งบทความนี้ผมจะอธิบายเกี่ยวกับปลั๊กอิน WordPress ว่าคืออะไรและทำงานอย่างไร ทำไมถึงจำเป็นสำหรับ WordPress

Plugin WordPress คืออะไร?
Plugin WordPress คือ ส่วนเสริมของเวิร์ดเพรส ที่ทำหน้าที่ในการเสริมความสามารถของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์มีฟังก์ชัน หรือ ฟีเจอร์ตามที่เราต้องการ โดยปกติแล้ว ปลั๊กอินของ WordPress จะมีแทบทุกประเภทการใช้งาน ทุกหมวดหมู่เว็บไซต์ ตั้งแต่ปลั๊กอินระดับพื้นฐาน จนถึงปลั๊กอินระดับขั้นสูง ที่ทำงานเฉพาะด้าน
ปลั๊กอิน WordPress เป็นส่วนเสริมของ WordPress ที่จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติและฟังก์ชันใหม่ๆ ให้กับ WordPress ทำให้ เว็บไซต์ของเราดูสวยและแพงขึ้น ถ้ามีตัว Plugin เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือถ้าเปรียบเทียบกับบ้าน บ้าน เปรียบเสมือนตัวของ WordPress และของตกแต่ง หรือ เครื่องมือรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน คือ ปลั๊กอิน ที่จะทำให้บ้านของเราดูสวยขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น
ซึ่งปลั๊กอินเวิร์ดเพรส จะมีทั้งของ ฟรี และของ พรีเมี่ยม ให้ใช้กัน หากต้องการให้เว็บไซต์ของเราดูดี และมีฟังก์ชั่นที่เจ๋งๆ แนะนำให้ซื้อเป็นของพรีเมี่ยม หรือถ้าหากว่าปลั๊กอินที่ซื้อ หรือของฟรี ยังไม่สอดคล้องกับที่เราต้องการ ก็สามารถสร้าง หรือเขียนขึ้นมาเองได้ หรือไม่ก็จ้างคนที่รับเขียนปลั๊กอิน WordPress โดยเฉพาะ
ปลั๊กอิน WordPress เขียนด้วยภาษา PHP และใช้ร่วมกับ WordPress ได้อย่างดี เพราะตัว WordPress เองก็พัฒนามาจากภาษา PHP เช่นเดี่ยวกันครับ
ดังนั้น การเลือกใช้ ปลั๊กอิน ในเว็บไซต์ของเรา ควรเลือกใช้งาน หรือ ติดตั้ง ปลั๊กอินที่เราใช้งานบนเว็บไซต์จริงๆ ไม่ควรติดตั้งเยอะจนเกินไป, ไม่ควรติดตั้งปลั๊กอินที่ไม่ได้ใช้งาน
Plugin ทำงานอย่างไร?
Plugin ถูกออกแบบให้มีความสามารถกับเว็บไซต์ ซึ่งเป็นความสามารถเสริมที่ช่วยให้โปรแกรมหลักทำงานได้ดีขึ้น เช่นช่วยเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ให้โปรแกรมหลัก หรือเพิ่มความสามารถพิเศษให้โปรแกรมหลัก ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็น Windows หากใช้โปรแกรม Windows Media Player แล้วดูไฟล์บางประเภทไม่ได้ ก็ต้องลงโปรแกรม Codec เพิ่ม
ในกรณีนี้โปรแกรม Codec ถือเป็น Plugin นั้นเอง หรืออย่างเช่น ในการชมวีดีโอ ผ่าน Web browser หากวีดีโอไม่สามารถเปิดได้ ก็ต้องลงโปรแกรม Adobe Flash Player และ Adobe Flash Player จึงถือว่าเป็น Plugin
หรือหากต้องการทำให้เว็บไซต์สวยขึ้น ก็ต้องหาปลั๊กอินการจัดหน้าเว็บไซต์ หรือเรียกว่า Page Builder แนะนำให้อ่านบทความ “5 ปลั๊กอินจัดหน้า WordPress“
ดังนั้น หลักการทำงานของ Plugin ก็คือ การเพิ่มความสามารถให้กับเว็บไซต์ หรือ การช่วยโปรแกรมหลักให้ทำงานได้ดีขึ้นนั้นเองครับ
3 วิธีติดตั้ง Plugin
การติดตั้งปลั๊กอิน WordPress อาจดูไม่สำคัญสำหรับบางคน แต่ถ้าเรามองในความสะดวกของคนที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการเขียนโปรแกรม Plugin อาจช่วยคุณได้
วันนี้ผมจะพามาดู วิธีต่างๆ 3 วิธีในการติดตั้งปลั๊กอิน WordPress บนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งรวมถึง การค้นหาและติดตั้งปลั๊กอินในหน้าแดชบอร์ด WordPress ของเรา และ การอัปโหลดปลั๊กอินด้วยตนเองผ่าน FTP และ ติดตั้งปลั๊กอินผ่าน WP-CLI ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ปลั๊กอิน Yoast SEO เป็นตัวอย่างในการติดตั้ง ซึ่งเป็นปลั๊กอินฟรียอดนิยม ปัจจุบันมีผู้ติดตั้งปลั๊กอินตัวนี้บนเว็บไซต์ WordPress มากกว่า 5 ล้านเว็บไซต์
ซึ่งวิธีที่ผมจะสอนต่อไปนี้ ผมจะแยกเป็น 3 ระดับ คือ
- วิธีติดตั้งปลั๊กอินผ่าน WordPress Dashboard
- วิธีติดตั้งปลั๊กอินผ่าน WordPress Dashboard ด้วยการอัพโหลด
- วิธีติดตั้งปลั๊กอิน WordPress ผ่าน WP-CLI
1. วิธีติดตั้งปลั๊กอินผ่าน WordPress Dashboard
การติดตั้ง ปลั๊กอิน WordPress ในหน้า แดชบอร์ด เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง เพียงแค่เรา Login เข้าสู่ระบบหลังบ้าน จากนั้นคลิกที่เมนู “Plugin” ของหน้าแดชบอร์ด WordPress แล้วคลิกที่ “Add New” จากนั้นเราก็สามารถค้นหาปลั๊กอินที่ต้องการติดตั้ง เช่นตัวอย่างปลั๊กอิน Yoast SEO จากนั้นคลิกที่ “Install Now” เพื่อทำการติดตั้ง ดังรูป


หลังจากติดตั้งเสร็จ ก็จะมีปุ่ม “Active” ขึ้นมา เพื่อทำการเปิดใช้งานตัวปลั๊กอิน ดังรูป

เพียงเท่านี้ เราก็จะมีปลั๊กอินบนเว็บไซต์ WordPress ของเราแล้ว ได้รับการติดตั้งและเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว ปลั๊กอินส่วนใหญ่โดยเฉพาะปลั๊กอินที่ใหญ่ๆ จะมีเมนูตัวเลือกที่อาจปรากฏทางด้านซ้ายของแดชบอร์ด WordPress ของเรา เช่นด้วยปลั๊กอิน Yoast SEO นี้จะมีเมนู “SEO” ขึ้นมา ดังรูป

2. วิธีติดตั้งปลั๊กอินผ่าน WordPress Dashboard ด้วยการอัพโหลด
โดยวิธีนี้ส่วนใหญ่แล้วจะติดตั้งปลั๊กอินที่เป็นของ Premium หรือ ปลั๊กอินที่ดาวน์โหลดมาจากที่อื่น เช่นจากตัวอย่างนี้ผมดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์ของ WordPress เอง คือ wordpress.org เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างการติดตั้งแบบอัพโหลดไฟล์
ขั้นตอนแรก ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ wordpress.org จากนั้นคลิกที่เมนู Plugin แล้วค้นหาปลั๊กอิน Yoast SEO จากนั้นให้คลิกที่ ปลั๊กอิน Yoas SEO ดังรูป

จากนั้นเลือก “Download” ลงสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ดังรูป

เมื่อได้ปลั๊กอินที่ต้องการแล้ว ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของเรา แล้วเลือกเมนู “Plugin” จากนั้นคลิกที่ “Add New” เพื่อเข้าสู่หน้าติดตั้งปลั๊กอิน ดังรูป

จากนั้นให้คลิกที่ “Upload Plugin” แล้วเลือกปลั๊กอินที่เราดาวน์โหลดมา แล้วกด “Open” ดังรูป

เมื่อเลือกปลั๊กอินมาแล้ว สังเกตุว่าจะมีปุ่ม “Install Now” เพื่อทำการติดตั้งปลั๊กอินลงบนเว็บไซต์ของเรา เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว จะเด้งไปที่หน้าเปิดใช้งานปลั๊กอิน ให้คลิกที่ “Activate Plugin” เพื่อเปิดใช้งานปลั๊กอิน ดังรูป


เพียงเท่านี้เราก็จะมีปลั๊กที่อัพโหลดมากเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าไปยังเว็บไซต์ของเราแล้วครับ
3. วิธีติดตั้งปลั๊กอิน WordPress ผ่าน SFTP/FTP
วิธีนี้ คือวิธีที่ต้องดำเนินการด้วยตนเองผ่าน SFTP/FTP ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้เป็นโปรแกรม Filezilla เพื่อทำการเชื่อต่อ FTP เพื่ออัปโหลดปลั๊กอิน Yoast SEO ไปยังเว็บไซต์ WordPress ของเรา ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อ SFTP/FTP แนะนำให้อ่านบทความนี้ วิธีเชื่อมต่อ FTP Username + Password FTP ส่วนใหญ่แล้ว เวลาเช่า Hosting ครั้งแรก เข้าจะให้มาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีก็สามารถสร้างเองได้ แนะนำให้อ่านบทความนี้ วิธีสร้าง FTP
ขั้นตอนแรกให้ทำการดาวน์โหลดปลั๊กตาม “วิธีที่ 2” เมื่อสักครู่ และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้ทำการ “แตก” ไฟล์ออกจากไฟล์ rar ดังรูป

จากนั้นให้ทำการเชื่อมต่อ FTP แล้วให้เข้าไปที่โฟลเดอร์ “Plugin” ของ WordPress ใน Domain ของเรา และทำการลากโฟลเดอร์ “wordpress-seo” คือโฟลเดอร์ปลี๊กอินที่เราดาวน์โหลดมาเมื่อสักครู่ ให้ทำการลากไปใส่ในโฟลเดอร์ “Plugin” ฝั่ง Doamin ของเรา เพื่อทำการอัพโหลดไฟล์ปลั๊กอินเข้าไปยังเว็บไซต์ของเรา ดังรูป

เมื่ออัพโหลดเสร็จแล้ว ให้เข้าไปดูในเว็บไซต์เราได้เลย แล้วเข้าไปที่เมนู “Plugin” จากนั้นคลิกที่เมนู “Installed Plugins” สังเกตุได้ว่าจะมี Plugin “Yoast SEO” ที่เราได้ทำการอัพโหลดเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา แต่ปลั๊กอินจะเป็น Deactive อยู่ หรือยังไม่ได้เปิดใช้งานอีก หากต้องการเปิดใช้งานเพื่อให้ปลี๊กอินทำงาน ให้กดที่คำว่า “Active” ได้เลย ดังรูป


วิธี Deactive หรือ Delete Plugin WordPress
Deactive Plugin คือ การปิดใช้งานใช้งานปลั๊กอินของ WordPress เมื่อเราทำการ Deactive Plugin หมายความว่าปลั๊กอินตัวนั้นจะไม่ทำงานบนเว็บไซต์ของเรา แต่จะยังคงอยู่ในเว็บไซต์เราอีก หากไม่ได้ทำการลบออกจากเว็บไซต์
Delete Plugin คือ การลบปลั๊กอินออกจากเว็บไซต์ WordPress ของเรา หากต้องการลบปลั๊กอินออก ปลั๊กอินตัวนั้นต้องอยู่ในสถานะที่ Deactive (ปิดใช้งาน) ถึงจะลบปลั๊กอินตัวนั้นได้ เพราะถ้าปลั๊กอินอยู่ในสถานะ Active (เปิดใช้งาน) อยู่ จะไม่มีปุ่ม Delete ขึ้นมา เมื่อต้องการลบ ให้ทำการกด Deactive (ปิดใช้งาน) ปลั๊กอินก่อน
Deactive Plugin WordPress
ให้เข้าไปที่หน้าปลั๊กอินทั้งหมด จากนั้นเลือกปลั๊กอินที่ต้องการ Deactive (ปิดใช้งาน) แล้วกดที่ “Deactive” ได้เลย ดังรูป

Delete Plugin WordPress
ให้เข้าไปที่หน้าปลั๊กอินทั้งหมด จากนั้นเลือกปลั๊กอินที่ต้องการ Delete (ลบ) แล้วกดที่ “Delete” ได้เลย ดังรูป

วิธีเลือกปลั๊กอินที่มีคุณภาพ
WordPress มีปลั๊กอินฟรีมากกว่า 54,870 กว่าตัว ที่นักพัฒนาทั่วโลกทำขึ้นมา แต่ในจำนวนทั้งหมดนี้ ก็ใช่ว่าจะมีคุณภาพทั้งหมด มีทั้งปลั๊กอินยอดนิยม คุณภาพสูง ปลั๊กอินที่หยุดพัฒนามาหลายปี รวมถึงยังมีปลั๊กอินที่มีบัค หรือมีปัญหาอีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรติดตั้งปลั๊กอินมั่วๆ ในเว็บไซต์ของเรา ควรเลือกปลั๊กอินที่มีคุณภาพ หรือที่ได้รับการแนะนำเท่านั้น แนะนำ 11 ปลั๊กอินพื้นฐานที่ควรติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress
วิธีเลือก Plugin ฟรี และมีคุณภาพ
- เลือกปลั๊กอินที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
- Last Updated : ดูว่าอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ หรือไม่ควรเกิน 1 ปี
- Compatible up to : รองรับ WordPress เวอร์ชั่นล่าสุด หรือเทียบเท่าที่เรากำลังใช้
- Active Installations : จำนวนการติดตั้งของปลั๊กอิน ยิ่งมีคนใช้งานมาก แสดงว่าเป็นปลั๊กอินที่มีคุณภาพแน่นอน
- Reviews : ดูจากคะแนนที่รีวิว มี 5 ดาวเยอะแค่ใหน และ มีคนกล่าวถึงปลั๊กอินตัวนั้นอย่างไรบ้าง

วิธีเลือกซื้อ Plugin Pro มีคุณภาพ
บางทีการใช้ปลั๊กอิน “ฟรี” อาจไม่ตรงกับที่เราต้องการสักเท่าไหร่ นักพัฒนาก็เลยสร้างปลั๊กอินที่เป็นของ “Premium” ขึ้นชื่อว่าเป็นปลั๊กอินพรีเมี่ยม แน่นอนต้องเป็นปลั๊กอินที่ต้องเสียเงินเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะให้เว็บไซต์ดูมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นเค้า ก็คงต้องแลกกับค่าใช้จ่ายครับ เพราะฟีเจอร์เด็ดๆ มักจะหาไม่ค่อยเจอในปลั๊กอินตัวฟรี อาจจะเป็นเพราะความยากในการพัฒนาปลั๊กอิน ใช้คนจำนวนมาก ทำให้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องมีรายได้ แต่ปลั๊กอินที่เราต้องเสียตังค์ซื้อเอง ก็ใช่ว่าจะมีคุณภาพเสมอไป หากเราไม่เลือกดูดีๆ ก็อาจจะได้ปลั๊กอินที่มีบัคก็ได้
การเลือกซื้อปลั๊กอินของพรีเมี่ยม แนะนำเว็บ codecanyon.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวมปลั๊กอิน ซอร์สโค้ดต่างๆ

ลองพิจารณาและเลือกซื้อปลั๊กอินดังนี้ครับ
- Sales : ดูปลั๊กอินที่มียอดขายเยอะๆ
- Rated : เลือกดูปลั๊กอินที่มีเรทรีวิว 5 ดาว
- Last updated : ดูว่าอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ซึ่งก็ไม่ควรเกิน 1 ปี
- หาผู้ที่รีวิวตามเว็บไซต์ต่างๆ ใน Youtube หรือใน facebook ว่าเค้าใช้แล้วดีหรือไม่ดี มีปัญหาอะไรกันบ้าง
Plugin Free กับ Premium ต่างกันอย่างไร?
ปลั๊กอิน Free กับ Premium แตกต่างกันอย่างไร สังเกตุได้ง่ายๆ เลยครับ เวลาเราเลือกใช้ปลั๊กอินฟรีๆ ที่ตรงกับความต้องการของเราแล้ว เมื่อทำการเปิดใช้งานปลั๊กอิน สังเกตว่าจะมีปุ่ม “Get Premium” เพราะว่าลูกเล่นต่างๆ ของเวอร์ชั่นฟรี มีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ หากต้องการลูกเล่นมากกว่านั้น คงไม่พ้น Plugin Premium ครับ
นักพัฒนาปลั๊กอินส่วนใหญ่ ที่พัฒนาปลั๊กอินให้เราได้ใช้กันแบบฟรีๆ จะสร้างฟังก์ชั่นไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เช่น ปลั๊กอิน ที่มี “Template” อย่างพวก “Post Loop” ต่างๆ นักพัฒนาจะพัฒนาตัว “Template” มาแค่ 2-3 Template หากเราต้องการมากกว่านั้นอีก ที่แบบสวยๆ อาลังการ ดูมีมิติ ก็ต้องเลือกซื้อของ “Premium” มาใช้
ดังนั้น ปลั๊กอิน Free กับ Premium ส่วนมากแล้ว จะแตกต่างตรงที่ฟังก์ชั่นการใช้งาน หรือ ลูกเล่นต่างๆ ตัวฟรี อาจจะเขียน “Code” ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก อาจจะมี “บัค” บ้าง อะไรบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ เค้าพัฒนาให้เราได้ใช้กันแบบฟรีๆ ก็บูญมากแล้วครับ
ส่วนปลั๊กอิน Pro นี้ ไม่ต้องพูดถึงแล้วครับ แนวการเขียน “Code” นี้ มีความซับซ้อนแน่นอน แต่อย่าเพิ่งดีใจไปว่าปลั๊กอิน Premium จะดีเสมอไป บางทีตัว Pro ก็มี “บัค” ได้เหมือนกัน ก่อนจะซื้อ ควรเลือกให้ดีๆ มีคนใช้เยอะๆ ดูรีวิว ใน Facebook หรือ Youtube บางจะดีที่สุดครับ
คำแนะนำ
การติดตั้ง “ปลั๊กอิน” บนเว็บไซต์ของเรา หลังจากที่เปิดใช้งานเป็นเวลานานแล้ว ควรเข้าไปตรวจสอบบ้าง ว่ามีการอัปเดตอะไรหรือเปล่า หรือถ้ามี แนะนำให้ อัปเดตปลั๊กอิน อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการโดนแฮก หรือ ทำให้เกิดช่องโหว่กับเว็บไซต์ของเรา ไม่ควรติดตั้งปลั๊กอินเยอะจนเกินไป จะทำให้เว็บไซต์ของเรา โหลดช้า ติดตั้งเฉพาะที่จำเป็นและสมควรเท่านั้น อันไหนที่ไม่ได้ใช้งาน ก็ควรลบออกจากเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับเว็บไซต์ของเรา
สรุป
Plugin WordPress มีความสำคัญกับผู้ใช้เว็บไซต์ WordPress มาก เพราะตัวปลั๊กอิน จะช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ให้กับเว็บไซต์ของเรา ทำให้เว็บไซต์ของเรา ดูสวย และ มีมิติมากขึ้น มีลูกเล่นมากขึ้น ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของเรา ดูแล้วไม่น่าเบื่อครับ
Plugin WordPress จะมีทั้งของ Free และของ Premium ให้เราได้ใช้กัน หากต้องการติดตั้งลงบนเว็บไซต์ของเรา ควรศึกษาปลั๊กอินตัวนั้นให้มากๆ ดูรีวิวทาง Social ต่างๆ เลือกซื้อ หรือ ติดตั้งปลั๊กอินที่มียอดวิวเยอะๆ มีเรทติ้ง เยอะๆ และควรดูว่าอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ซึ่งก็ไม่ควรเกิน 1 ปีครับ